จันทร์ – ศุกร์: 10:00-17:00 

02-676-3663

เที่ยวไปในฮิโรชิมาและโกเบ

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ระเบิดปรมาณูมีชื่อว่า Little Boy ถูกปล่อยลงมายังเมืองฮิโรชิม่า แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตในทันทีกว่าแสนคน เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งที่เป็นเหมือนบาดแผลในใจของชาวญี่ปุ่น

ในปัจจุบัน เมืองฮิโรชิม่าถูกฟื้นฟูสภาพจนกลายเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งอนุสรณ์จากเหตุระเบิดในครั้งนั้น ให้เยาวชนรุ่นหลังระลึกถึง ดังนั้น ทางทีมงาน B – BUDDY จึงได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปลงยังสนามบินคันไซ จังหวัดโอซาก้า

เมื่อไปถึง เราก็ได้ใช้ตั๋วรถไฟ JR WEST PASS KANSAI – HIROSHIMA AREA จากสถานี OSAKA STATION นั่ง JR ไปลงยังสถานี SHIN – OSAKA จากนั้นก็นั่ง SANYO SHINKANSEN ตรงมายังสถานี HIROSHIMA STATION ได้เลย สะดวกสบายที่สุด

สถานที่แรกที่แนะนำ คือสวนSHUKKEIENเดินจากสถานีรถไฟ HIROSHIMA ไปยังสวน SHUKKEIEN ใช้เวลาเดินเพียง 15 นาที ก็ถึงแล้ว มีค่าเข้าชม 260 เยนเท่านั้น สวนนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเคียวบาชิ โดยจุดเด่นของสวนแห่งนี้ คือ สะพานหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่กลางบึง ในช่วงซากุระบาน ผู้คนมักจะเดินทางมานั่งชมซากุระยังสวนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

จากนั้น มาต่อยัง HIROSHIMA CASTLE หรือปราสาทปลาคราฟ สูงประมาณ 5 ชั้น ล้อมรอบด้วยคูน้ำ ภายในบริเวณปราสาทจะมีศาลเจ้าที่ชื่อว่า HIROSHIMA GOKOKU SHRINE ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นครั้งแรกใน ค.ศ. 1589 แต่ก็ถูกทำลายลงด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2  หลังจากนั้นตัวปราสาทได้ถูกบรูณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยมีค่าเข้าชมอยู่ที่360เยนต่อคน

เราเดินกลับมายังป้ายรถ HIROSHIMA ELECTRIC RAILWAY  ที่สถานี SHUKKEIEN-MAE มาลงยัง GENBAKU DOME-MAE เพื่อมาชมอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา สถานที่แห่งนี้  ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงความรุนแรงของสงคราม และระลึกว่าไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นมาอีก

ต่อจากอนุสรณ์สินติภาพ ก็มายังอนุสรณ์ที่สร้างให้แก่เด็กที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิด หรือเรียกกันว่า อนุสาวรีย์ซาดาโกะ เด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสี โดยเธอมีความหวังว่าหากพับนกกระเรียนครบ 1000 พันตัวจะหายจากการเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ความฝันก็ไม่เป็นจริง อนุสรณ์แห่งนี้จึงเป็นรูปของเด็กผู้หญิงชูนกกระเรียน เพื่อเป็นตัวแทนของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดในครั้งนั้น

สถานที่ต่อมาคือ HIROSHIMA PEACE MEMORIAL MUSEUM ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของเมืองฮิโรชิมา ก่อนและหลังที่โดนระเบิดปรมาณู ข้างในมีภาพจัดแสดง และการจำลองภาพการเกิดการระเบิด สร้างความหดหู่และทำให้ระลึกได้ว่า สงครามเป็นสิ่งที่น่ากลัว

พักจากประวัติศาสตร์และความหดหู่ เราเดินย้อนกลับมาทางอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า ฝั่งตรงข้ามจะเป็นถนน HONDORI ซึ่งเป็นถนนคนเดินเส้นยาว มีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย อ่านจากรีวิวในอินเตอร์เน็ตมาได้ความว่า บริเวณปลายสุดของทางตะวันออกของถนนฮอนโดริ จะมีร้านที่ขายโอโคโนมิยากิหรือพิซซ่าญี่ปุ่นอยู่ โดยมีชื่อว่า OKONOMI-MURA VILLAGE เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของเมืองฮิโรชิมาเพราะมีเมนูสูตรเฉพาะของเมืองฮิโรชิมาอยู่ เราจึงไม่พลาดที่จะขอตามรอยไปชิมพิซซ่าญี่ปุ่นเสียหน่อย ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะอำลาเมืองฮิโรชิมา แล้วเดินทางเข้าเมืองโกเบ

เราออกเดินทางอีกครั้งโดย SANYO – SHINKANSEN ตรงไปยังเมืองโกเบ ลงที่สถานี JR SHIN – KOBE จากสถานี เราเดินต่อไปอีกไม่ไกล เพียง 15 นาที ก็ถึงย่าน KITANO STREET IJINKAN หรือ ย่านบ้านพักชาวต่างชาติ คิตะโนะ ซึ่งเป็นย่านเก่าของชาวต่างชาติที่เดินทางมาค้าขาย ที่เมืองโกเบ ทำให้ในปัจจุบันบริเวณนี้ยังคงมีบ้านเรือนสไตล์ตะวันตกเหลืออยู่หลายหลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดให้เข้าชมโดยเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 300-1,000 เยน ย่านนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านที่ไม่ควรพลาดสำหรับการเดินทางมายังโกเบ โดยร้านค้าที่อยู่ในย่านนี้จะทำเป็นสไตล์ยุโรปเพื่อให้กลมกลืนกับบ้านเก่าเหล่านี้

เราเดินย้อนกลับไปยังสถานี SHIN – KOBE แล้วนั่งรถไฟมาลงที่สถานี MOTOMACHI เพื่อเดินทางสู่ KOBE CHINA TOWN ซึ่งในย่านนี้นี่เองที่เราตั้งใจมาชิมเนื้อโกเบที่เขาว่ากันว่าอร่อยมาก ใกล้ๆกันนั้น จะมีถนนคนเดิน MOTOMACHI อยู่ใกล้กัน เมื่อเราได้ชิมเนื้อโกเบที่เขาว่าอร่อยมากแล้ว ก็พากันเดินกินมาตลอดทาง

และเราได้เดินต่อไปยัง MERIKEN PARK ที่เป็นจุดแลนด์มาร์กของโกเบ เพราะอยู่ในบริเวณอ่าวโกเบ เดินทีสวนแห่งนี้เคยถูกทำลายลงเพราะแผ่นดินไหว แต่ในปัจจุบันได้ทำการซ่อมแซมขึ้นใหม่ แต่ก็ยังคงมีบางจุดที่คงไว้ในสภาพเมื่อครั้งแผ่นดินไหวเพื่อย้ำเตือนถึงภัยอันร้ายแรงของแผ่นดินไหว

สถานที่ต่อไปที่จะพาไปชมคือ พิพิธภัณฑ์แผ่นดินไหว หรือ EARTHQUAKE MUSEUM โดยนั่งรถไฟ JR KOBE ไปลงที่สถานี NADA แล้วเดินต่ออีก 15 นาทีเพื่อเข้าไปชมภายใน โดยเสียค่าเข้าคนละ 600 เยน โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงและไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจำนวน 6,434 คน จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงของญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1995

โดยภายในมีการฉายสารคดีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่แห่งฮันชินยาว 15 นาที มีจัดแสดงรูปภาพ วิดีโอ ของใช้ จากผู้สูญเสียและผู้ประสบภัย อีกทั้งตัวอาคารยังสร้างกำแพงหนา 2 ขั้นเพื่อป้องกันการเกิดแผ่นดินไหวครั้งต่อไป เรียกได้ว่ามีการป้องกันที่ดีมากๆ

ฮิโรชิม่า และโกเบ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าไป เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทั้ง 2 เมือง โดยเฉพาะฮิโรชิม่า ถ้าหากใครมีเวลา ก็อยากให้ลองไปเที่ยวตามสถานที่ที่เราแนะนำ และนอกเหนือจากนี้ เรียกว่าการมาครั้งนี้ได้ประสบการณ์และความสนุกพอๆ กับเข้าเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้าเลยค่ะ

อย่าลืมติดตามการท่องเที่ยวครั้งต่อไปกับทีม B – BUDDY  นะคะ แล้วเจอกันค่ะ ♥

[user_registration_form id="22036"]